อายุ 21 ปี พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.หนองแขม
หนึ่งเป็นพี่ชายคนโตแฝดผู้พี่ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง รุ่นที่ 32 และจบเนติบัณฑิต จากสำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา รุ่นที่ 59 ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์ สาขาบริหารงานยุติธรรมกับระดับปริญญาโทคณะนิติศาสตร์ สาขากฎหมายธุรกิจและเอกชน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ตำรวจหนุ่มวัย 21 เล่าว่า เลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงก็เพราะเห็นว่ามีโครงการ PRE DEGREE ใช้เวลาเรียนสี่ปีพร้อม ๆ กับการเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายควบคู่ไปด้วย หลังจากเรียนจบนิติศาสตร์ที่ม.รามฯ แล้วจึงเรียนเนติบัณฑิตต่อทันทีเพราะคิดว่าควรจะเรียนให้มากที่สุดก่อนที่จะทำงาน หลังจบเนติ ฯ แล้วหนึ่งช่วยทางบ้านทำงานประมาณหกเดือนก่อนแล้วจึงสอบเข้ารับราชการเป็นตำรวจ
"ผมสนใจด้านกฎหมายเป็นพิเศษ เพราะเห็นว่านิติศาสตร์เป็นวิชาที่มีประโยชน์ต่อตัวเองและสังคม การเป็นตำรวจและพนักงานสอบสวนนอกจากจะมีหน้าที่เกี่ยวกับการทำคดีสั่งฟ้องผู้ต้องหา และการเข้าเวรแล้ว ยังต้องให้คำปรึกษาทางด้านข้อกฎหมายกับประชาชนที่เดือดร้อนที่ต้องการคำปรึกษาทั้งทางแพ่งและอาญาอีกด้วย หากใครคิดว่าตำรวจต้องทำคดีอาญาอย่างเดียว ผมว่าคิดผิด เพราะตำรวจต้องมีความรู้รอบด้านไม่ว่าทางแพ่งหรืออาญา แม้กระทั่งกระบวนพิจารณาคดีในศาล ก็ต้องสามารถให้คำปรึกษากับประชาชนได้"
"และการเป็นตำรวจใช่ว่าจะดูดี หรืองานสบาย ผมบอกตรงนี้ได้เลยว่าไม่ใช่ เพราะการจะทำงานในสายนี้ได้ คุณต้องมีการเสียสละทางด้านเวลาส่วนตัวสูงมาก งานที่ทำไม่ใช่เฉพาะต้องเข้าเวรมาเช้าเย็นกลับ แต่ต้องคอยสลับเปลี่ยนกันเพราะตำรวจทำงาน 24 ช.ม. ไม่มีวันหยุด ต้องปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลาแม้จะเป็นเวลาพักผ่อนก็ตาม แม้แต่หลังจากออกจากเวรแล้วยังต้องตามสะสางงานที่รับมาจากตอนที่เข้าเวรด้วย และถ้ามีเหตุด่วนอะไร เราจะต้องพร้อมเสมอ"
ถึงแม้อนาคตหนึ่งวางแผนไว้ว่าอยากทำธุรกิจส่วนตัวแบบคุณพ่อคุณแม่แล้วก็ตามแต่สิ่งหนึ่งที่ชายหนุ่มรู้สึกภาคภูมิใจมากกับอาชีพตำรวจก็คือการที่คอยแก้ไขและช่วยเหลือประชาชนมาตลอดนั้นเป็นงานที่ทำให้ตัวเองรู้สึกว่ามีคุณค่าในชีวิตมากที่สุด

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น